ในจีน หยกเป็นที่นับถือในฐานะหินอันสูงส่ง ในสมัยโบราณการใช้หยกเป็นยา อยู่ภายใต้การควบคุมด้วยกฎหมายที่เข้มงวด และการทำลายหยก จะถูกลงโทษโดยทันทีด้วยความตาย มีความเชื่อว่าหยกเป็นดั่งพลังงานหยาง และเชื่อว่าเป็นยาครอบจักรวาลสำหรับโรคทั้งหมด นักเล่นแร่แปรธาตุชาวจีน โกฮัง(Ko-hung) คิดว่า หากวางทองและหยกวางไว้ที่ทวารทั้ง 9 ของผู้ตายจะป้องกันไม่ให้ร่างกายเน่าเปื่อย และการวางไข่มุกที่เชื่อว่ามีพลังงานหยิน ในสถานที่ฝังศพจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า จะทำให้การสามารถกลับชาติมาเกิด และการฟื้นคืนชีพได้
หยก (Jade) "หินแห่งความเงียบสงบท่ามกลางปัญหา
ในจีน หยกเป็นที่นับถือในฐานะหินอันสูงส่ง ในสมัยโบราณการใช้หยกเป็นยา อยู่ภายใต้การควบคุมด้วยกฎหมายที่เข้มงวด และการทำลายหยก จะถูกลงโทษโดยทันทีด้วยความตาย มีความเชื่อว่าหยกเป็นดั่งพลังงานหยาง และเชื่อว่าเป็นยาครอบจักรวาลสำหรับโรคทั้งหมด นักเล่นแร่แปรธาตุชาวจีน โกฮัง(Ko-hung) คิดว่า หากวางทองและหยกวางไว้ที่ทวารทั้ง 9 ของผู้ตายจะป้องกันไม่ให้ร่างกายเน่าเปื่อย
และการวางไข่มุกที่เชื่อว่ามีพลังงานหยิน ในสถานที่ฝังศพจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า จะทำให้การสามารถกลับชาติมาเกิด และการฟื้นคืนชีพได้
ชิ้นหยกแกะสลักรูปผีเสื้อ มีความสำคัญเป็นพิเศษในประเทศจีน ตำนานกล่าวถึง เด็กหนุ่มที่ตามจับผีเสื้อจนล่วงเข้าไปในที่ของขุนนางที่ร่ำรวยคนหนึ่ง แทนที่เค้าจะถูกลงโทษสำหรับการบุกรุก การเข้าไปในพื้นที่นั้นของเขา ทำให้เขาได้แต่งงานกับลูกสาวของขุนนางผู้นั้น รูปผีเสื้อจึงเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่สมหวัง และเป็นธรรมเนียมว่า ผู้ชายจะนำหยกแกะสลักรูปผีเสื้อไปให้คู่หมั้นของเขา
ในงานเลี้ยงแต่งงานในประเทศจีน เจ้าสาวและเจ้าบ่าวมักดื่มน้ำจากถ้วยหยกที่มีตราพิมพ์เป็นรูปไก่ ซึ่งมาจากตำนานของ ไก่ขาวที่สวยงาม ซึ่งได้เห็นเจ้านายที่เป็นหญิงสาวผู้เป็นที่รักกระโดดลงบ่อน้ำตาย จากความสิ้นหวังที่สูญเสียคนรักของเธอ ไก่ขาวผู้ซื่อสัตย์จึงกระโดดลงไปในบ่อน้ำและตายในลักษณะเดียวกันเพื่อไม่ให้ห่างจากนายสาวผู้เป็นที่รัก
การใช้หยกในการเล่นเสียงดนตรี ย้อนหลังไปไกลในประวัติศาสตร์จีน ชุดของชิ้นหยกที่เป็นฐานรองในกู่เจิ้งที่มีรอยหยักของความหนาที่แตกต่างกัน เมื่อดีดทำให้เกิดเสียงที่แตกต่างกัน ตำนานอ้างว่าขงจื้อมีความสุขในการเล่น "เครื่องดนตรีที่ทำจากหิน" เมื่อเขาทุกข์ใจจากความพยายามที่ไม่ประสบความสำเร็จในการปฏิรูปศีลธรรมในประเทศจีน ช่วงยุคสมัยของเขา
คุณประโยชน์ทางยาของหยกที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทั่วทวีปเอเชียโบราณ ได้รับการแนะนำให้รู้จักในยุโรปและโลกสมัยใหม่ นอกเหนือจากพลังในการรักษาสะโพกและไต เมื่อนำหยกมาบดเป็นผง ขนาดเท่าเมล็ดข้าว เชื่อว่าจะเป็นยาบำรุงปอด หัวใจ เส้นเสียง รวมถึงเป็นยายืดอายุขัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใส่ผงทองหรือเงินถูกเข้าไป และยาอายุวัฒนะที่มีหยก ข้าวและน้ำค้างที่สัดส่วนเท่ากัน นำมาต้มเพื่อสร้าง "น้ำศักดิ์สิทธิ์ของหยก(divine liquor of jade)" โดยเชื่อว่าสามารถเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้กระดูกแข็งแรง จิตใจสงบ ทำให้ผิวสวย และทำให้เลือดสะอาด ใครก็ตามที่กินมาเป็นเวลานาน จะทำให้ไม่มีความรู้สึกร้อนหรือเย็น และไม่เคยรู้สึกหิวข้าวหรือกระหายน้ำ
ในศตวรรษที่สิบเจ็ดนักปรัชญา คิวาน กุง(Khivan Ghung) เล่าถึงการวิปัสสนาด้วยหยก เผยให้เห็นถึง หลักธรรม 9 ประการของหยก: ความนุ่มนวลมันวาวแสดงออกถึงความเมตตากรุณา; ความเงางามเมื่อขัดเงาแสดงถึงความรู้จากการฝึกฝน; การเป็นแผ่นตรงไม่โค้งงอแสดงถึงความตรงไปตรงมา;การไม่มีพิษหรือสารพิษของหยกแสดงออกถึงการกระทำที่เที่ยงธรรม; ในความหายากและไม่มีมลทินแสดงออกถึงความบริสุทธิ์; ความแข็งแกร่งและไม่ผุพังแสดงถึงความอดทน; ในลักษณะที่แสดงให้เห็นถึงตำหนิและริ้วรอยบนเนื้อแสดงออกถึงความบริสุทธิ์ใจ; ในการรักษาความงามของมันแม้ว่าจะผ่านจากผู้หนึ่งไปอีกผู้หนึ่งแสดงออกถึงจรรยาบรรณ; และในการกระทบกันของหยกจะส่งเสียงออกมาอย่างชัดเจนแสดงออกถึงดนตรี เขาเชื่อว่าคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้คนเห็นคุณค่าของหยกเป็นของที่มีค่าที่สุด เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเป็นเครื่องรางแห่งความสุข
ชาวอินคาและชาวแอซเท็กใช้มีดที่ทำจากหยกเพื่อฉีกหัวใจของมนุษย์ที่ถูกบูชายัญ เพื่อเป็นการบูชาเทพแห่งแสงอาทิตย์และเทพแห่งฝน
เป็นยอเซฟฟี(yashpheh)(แจสเปอร์สีเขียวในสมัยโบราณ ที่มีข้อมูลในภายหลังว่าเป็นหยกเนฟไฟรต์นั่นเอง) หรือศิลาที่สิบสองในทับทรวงของมหาปุโรหิตชื่อ อาโรน(Aaron) และถูกจารึกเป็นบันทึกไว้ของเผ่า แอชเชอร์(Assher)
ในสมัยโบราณ หยกได้รับการเชื่อว่าเป็นหินเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และช่วยในการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำ พ่อค้าโบราณจะถือไว้ในฝ่ามือขวา ในขณะที่ทำธุรกรรมทางธุรกิจ
ชาวกรีกโบราณใช้สีที่นุ่มนวลของหยก ช่วยบำบัดอาการเจ็บป่วยของดวงตา โดยวางชิ้นหยกไว้บนเปลือกตา หรือในน้ำที่ใช้ทำความสะอาดดวงตา รวมถึงบดหยกให้เป็นผงและใช้เป็นยาแก้พิษงู และการถูกกัดต่อย หรือเป็นยาเกี่ยวกับโรคของท้อง
เครื่องรางที่ทำจากหยก จะถูกวางอยู่ในปากของคนตายในหลายวัฒนธรรม เช่น ชาวจีน อียิปต์โบราณ และชนเผ่าพื้นเมืองพวกเมโสอเมริกา(Mesoamerica) เพื่อแสดงถึงตำแหน่งและความสำคัญของผู้ตาย และให้การคุ้มครองในชีวิตหลังความตาย
หยกเขียว เป็นหินที่ช่วยเรื่องการรักษา โดยเฉพาะการรักษาไต สะโพก และหัวใจ เมื่อสัมผัสตัวมันจะรับรู้ได้ถึงพลังงานของมัน พลังงานของมันคงที่ เป็นหินที่ดีที่ควรสวมใส่เวลาหลับ จะช่วยให้หลับสบายและฝันดี ด้วยพลังแห่งธาตุดิน จึงเป็นหินที่เหมาะจะสวมใส่เวลาทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับธาตุดิน เช่น ปีนเขา ปลูกต้นไม้ หรือแม้กระทั่งเดินเล่นนอกบ้าน ที่ตัวหยกเขียวจะช่วยให้คนที่ไม่กล้าออกนอกบ้าน มีความรู้สึกที่ดีขึ้นกับสภาวะแวดล้อมภายนอก
่หยกดำ มีพลังป้องกันเพื่อป้องกันการโจมตีเชิงลบทางร่างกาย หรือจิตใจ รวมถึงช่วยให้สามารถก้าวผ่านข้อจำกัดของตัวเอง
หยกสีน้ำเงิน ทำให้จิตใจสงบ สร้างความสงบ และการสะท้อนสิ่งที่ไม่ดี ช่วยสร้างคุณค่าในการส่งเสริมวิสัยทัศน์และความฝัน
หยกสีน้ำตาล เป็นพลังงานธาตุดิน เชื่อมต่อกับโลก ให้ความรู้สึกสบาย และความน่าเชื่อถือ
หยกสีลาเวนเดอร์ ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทางอารมณ์และเสริมพลังจิตวิญญาณ พลังงานของหยกสีนี้ มีคลื่นความถี่สูงที่สุด
หยกสีส้ม นำความสุขและสอนความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งมีชีวิตทุกชนิด มีพลังและช่วยกระตุ้นอย่างเงียบ ๆ
หยกสีม่วง กระตุ้นให้เกิดความรื่นเริงและความสุข และช่วยทำความสะอาดพลังรอบๆตัว ลบล้างพลังงานที่เป็นลบและเพิ่มระดับความหยั่งรู้
หยกแดง เป็นหินพลังแห่งพลังงานของชีวิต ช่วยขจัดความกลัวที่กักขังไว้ภายใน และกระตุ้นให้เกิดการกระทำ
หยกขาว ช่วยกรองความว้าวุ่นใจ ดึงความคิดสร้างสรรและช่วยในการตัดสินใจ
หยกสีเหลือง นำความร่าเริงและความมีชีวิตชีวา หินของแห่งการดปรียบเทียบและการแยกแยะ
หยกในความหมายของ"ฮวงจุ้ย"
หยกใช้พลังงานจากธาตุไม้ พลังงานของการเจริญเติบโต การขยายตัว การเริ่มต้นใหม่ การบำรุงและสุขภาพ ช่วยเพิ่มพลังวังชา สร้างความอุดมสมบูรณ์ และช่วยให้เราเติบโตทางร่างกาย ใช้หินสีเขียวเพื่อเพิ่มเนื้อที่ที่ใช้ในการรับประทานอาหารในห้องของเด็กเล็ก หรือในบ้านของคุณที่คุณเริ่มต้นสิ่งใหม่ พลังงานไม้มีความเกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ของบ้านหรือในห้องพัก เกี่ยวข้องกับพื้นที่ของครอบครัวและสุขภาพ ความมั่งคั่งและความอุดมสมบูรณ์
หินที่แกะสลักจากหยกเป็นรูปมังกร ปลา และกบ เช่นเดียวกับพระพุทธรูป ช่วยนำความโชคดีและความมั่งคั่ง เป็นสัญลักษณ์ของธาตุไม้ของจีน มักถูกวางไว้ทางด้านตะวันออกของบ้านเพื่อนำมาซึ่งการเริ่มต้นใหม่ การเติบโตที่อ่อนโยน สุขภาพ และโอกาส
คำจำกัดความของหิน : สุขภาพดี ความสมบูรณ์พูลสุข
จักระ : จักระที่ 4 อนาหตะจักระ (The Heart Chakra)
การช่วยเหลือทางกายภาพ : มีพลังที่ช่วยเหลือร่างกายและจิตใจ
การช่วยเหลือทางอารมณ์ : ช่วยให้อารมณ์ของผู้สัมผัสเปิดรับความสนุก
การช่วยเหลือทางจิตวิญญาณ : ช่วยให้สนุกกับชีวิตโดยปราศจากการยึดติดกับโลกของวัตถุ
การสังเกตุว่าเป็นหยกแท้หรือไม่
1. ยกหยกขึ้นส่องดูกับแสงไฟ ถ้าเป็นไปได้ อาจจะใช้แว่นขยาย 10 เท่าเพื่อตรวจสอบโครงสร้างภายในหยก ถ้ามองเห็นเส้นใยหรือเม็ดเล็กๆ ที่พาดพันกันเหมือนใยหินในนั้นรึเปล่า ถ้าเห็นล่ะก็ หินในมือท่าน ก็น่าจะเป็นเนฟไฟรต์หรือเจไดต์ของแท้ ในทางกลับกัน หินคริสโซเพรสจะเป็นเพียงผลึกเล็กๆ ที่รวมตัวกัน จึงอาจทำให้ดูเหมือนเป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าใช้แว่นขยาย 10 เท่า แล้วมองเห็นอะไรสักอย่างที่มีลักษณะคล้ายเป็นชั้นๆ แสดงว่าหินที่คุณกำลังส่องน่าจะเป็นเจไดต์ที่ถูกต่อเป็น “สอง” หรือ “สาม” ชั้น (บางครั้งอาจจะมีการนำไจไดต์เกรดอัญมณีแผ่นบางๆ มาติดบนฐานหินชนิดอื่น)
2. โยนหินขึ้นไปในอากาศและคว้าไว้ด้วยฝ่ามือ หยกแท้จะมีความหนาแน่นสูงมาก ซึ่งหมายความว่าจะหนักกว่าที่เห็น ถ้าโยนแล้วผลปรากฏว่าหยกของคุณหนักกว่าหินขนาดเดียวกันทั่วๆ ไป และผ่านการทดสอบด้วยสายตาเรียบร้อยแล้ว ก็ถือว่าหยกของคุณมีแนวโน้มเป็นของแท้
3. เคาะหินเข้าด้วยกัน อีกหนึ่งวิธีการดั้งเดิมในการพิสูจน์ความหนาแน่นของหินโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือวัดใดๆ คือการสังเกตเสียงของลูกปัดพลาสติกที่สัมผัสกันเบาๆ ถ้าคุณมีหยกชิ้นหนึ่งที่มั่นใจว่าเป็นของแท้ ให้กระทบหยกชิ้นนั้นเข้ากับหินต้องสงสัย ถ้าเสียงฟังดูเหมือนลูกปัดพลาสติกกระทบกัน แสดงว่าหินก้อนนั้นน่าจะเป็นของปลอม แต่ถ้าเสียงกระทบฟังดูนุ่มลึกและกังวานกว่า แสดงว่าอาจจะเป็นของแท้
4. ถือหยกไว้ในมือ หยกควรจะเย็นๆ เรียบลื่น และรู้สึกคล้ายๆ สบู่ในมือคุณ และถ้าเป็นของแท้ จะต้องใช้เวลาสักพักกว่าหยกจะรู้สึกอุ่นขึ้นมา วิธีการนี้จะได้ผลดีที่สุดถ้าคุณสามารถเปรียบเทียบกับหยกแท้ที่มีรูปร่างและขนาดคล้ายๆ กันได้
5. ทดสอบด้วยการขีดข่วน หยกเป็นหินที่แข็งมากจนทำให้แก้วหรือแม้แต่โลหะเป็นรอยได้เลยทีเดียว แต่ต้องเตือนก่อนว่า หยกเนฟไฟรต์จะอ่อนกว่าเจดไดต์ค่อนข้างมาก การขีดทดสอบโดยไม่ถูกวิธีจึงอาจทำให้อัญมณีแท้ของคุณเสียหาย นอกจากนี้ ถึงแม้หินของคุณจะทำให้แก้วหรือเหล็กเป็นรอยได้ แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเป็นแร่ชนิดอื่นที่นิยมนำมาทำหยกปลอม เช่น ควอตซ์และพรีไนท์สีเขียวหลายๆ ชนิด ใช้ด้านทื่อของกรรไกรกดลงเบาๆ และลากเส้นไปบนชิ้นหยก โดยพยายามลากบริเวณใต้ๆ เข้าไว้เพื่อไม่ให้งานสลักของคุณเสียหาย หลีกเลี่ยงบริเวณที่โดนลมโดนแดด เพราะบริเวณนี้มักจะอ่อนกว่าจุดอื่นๆ และอาจเสียหายได้ง่าย ถ้าการขีดทำให้เห็นเป็นเส้นสีขาวๆ ให้เช็ดคราบออกเบาๆ (อาจเป็นแค่เศษโลหะจากกรรไกร) แล้วสังเกตว่ายังมีรอยขีดข่วนหลงเหลืออยู่รึเปล่า ถ้ามีล่ะก็ หยกของคุณไม่น่าจะเป็นของแท้แล้วล่ะ
อนึ่ง เจ้าของร้านเคยได้ยินว่า หยกเจดไดต์สามารถนำมาขูดกับแก้วจนเป็นรอยได้ ในขณะที่หยกเนฟไฟรต์ จะขูดแก้วไม่เป็นรอย เป็นข้อมูลที่เป็นความจริง เนื่องจากค่าความแข็งของแก้วอยู่ที่ 5.5 ในขณะที่หยกเจดไดต์อยู่ที่ 7 หยกเนฟไฟรต์อยู่ที่ 6 ดังนั้น ทั้งเจดไดต์และเนฟไฟร์ตสามารถขูดกับแก้ว และแก้วต้องเป็นรอยได้ทั้งคู่เช่นกัน
หิการใช้ค่าความถ่วงจำเพาะ เจดไดต์และเนฟไฟรต์ มีความหนาแน่นกว่าหินทั่วไป (เจไดต์ - 3.3, เนฟไฟรต์ - 2.95) จึงสามารถหาค่าความหนาแน่นของหินชิ้นดังกล่าวเพื่อมาเทียบข้อมูลในขั้นต้น โดยสามารถวัดได้โดยการหารน้ำหนัก (เป็นกรัม) ด้วยปริมาตร (ซีซี)
คำเตือน
วิธีการขีดทดสอบอาจทำให้หยกเนฟไฟรต์คุณภาพสมบูรณ์เสียหายได้
·หยกแต่ละชิ้น รวมถึงหินแต่ละอย่าง มักมีสีและลักษณะเฉพาะตัว ถ้าคุณเห็นผู้ขายมีหยกหลากหลายชิ้น แต่กลับมีรูปแบบที่ดูคล้ายๆกัน นั่นจะเป็นสัญญาณเตือนอันตราย
หยก, หยกพม่า, หยกเขียว, หินมงคล, หินสายมู, สร้อยหิน, หินสี, หินนำโชค,หินแท้ ,หินเสริมดวง ,หินนำโชค ,หินนําโชคความหมาย ,หินนําโชคประจําวันเกิด2566 ,หินนําโชคราศี ,หินนําโชคการงาน ,หินนําโชคขายส่ง ,หินนําโชคของแท้ ,ขายส่งหินนําโชค ,หินนําโชคความรัก ,หินมงคล ,หินนำโชค ,หินแท้ ,หินสี ,หินหลากสี ,กำไลหิน ,สร้อยข้อมือ ,หิน ,เครื่องประดับ ,jewelry ,เครื่องราง ,สร้อยข้อมือหิน ,gemstone ,กำไลหินนำโชค