ซิทริน(Citrine) ซิทรินเป็นชื่อชนิดของควอตซ์ผลึกใหญ่โปร่งใส ที่มีสีเหลืองอ่อนจนถึงสีส้มน้ำตาล โดยชิ้นที่เป็นซิทรินที่มาจากธรรมชาตินั้นหายากมาก โดยเฉพาะชิ้นที่มีสีเหลืองเข้ม หรือส้มเข้ม
สาเหตุของการเกิดสีของซิทริน และจะถูกนำมาใช้เป็นนิยามว่าเกิดจากผลของธาตุอะไรนั้น ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยหลายๆท่านจึงทำการทดลองเพื่อดูสาเหตุของการให้สีของซิทริน มีข้อถกเถียงถึงกรณีดังกล่าว 2 กลุ่ม คือ
1. การให้สีของซิทรินเกิดจากธาตุอลูมิเนียม การเกิดสีของซิทรินเกิดจากช่วงการเปลี่ยนแปลงโดยธรรมชาติระหว่างจะเปลี่ยนเป็นผลึกที่มีสีเป็นสโ๊ม๊คกี้ควอตซ์โดยองค์ประกอบที่ให้สีของสโม๊คกี้ควอตซ์เกิดจากผลของธาตุอลูมิเนียม จากการพบลักษณะผลึกสโม๊คกี้ควอตซ์ที่มีโทนสีเหลืองชัดเจนที่ชื่อว่า "สโม๊คกี้ซิทริน(Smoky Citrine)" โดยผลึกเหล่านี้ สีเหลืองจะซีดลงจนออกไปทางสโม๊คกี้ควอตซ์ เมื่อได้รับความร้อนที่ 200-500 องศาเซลเซียส และสีเหลืองจะสามารถกลับมาเข้มขึ้นได้จากการฉายรังสี(Lehmann, 1972; Maschmeyer et al., 1980) จึงประเมินว่า ผลของธาตุอลูมิเนียมเป็นตัวให้สีเหลืองแก่ผลึกของซิทริน
2. การให้สีของซิทรินเกิดจากธาตุเหล็ก มีการทดลองสร้างผลึกควอตซ์ในห้องทดลอง โดยปลูกจากสารละลายซิลิการ้อน (กระบวนการสังเคราะห์แบบไฮโดรเทอร์มอล) และเติมสารประกอบเหล็กลงในสารละลายร้อนดังกล่าว ปรากฎว่าผลึกที่ได้ในตอนท้ายมีสีเหลือง ทำให้ประเมินว่าธาตุเหล็กจะเข้าไปเป็นตัวให้สีในผลึก และสามารถกลายเป็นอเมทิสต์ได้ เมื่อนำผลึกดังกล่าวมาทำการฉายรังสี จึงอาจเป็นไปได้ว่า ซิทรินธรรมชาติจะเกิดในรูปแบบเดียวกัน
การเผาอเมทิสต์เพื่อให้ได้ซิทรินนั้น ไม่ใช่ว่า อเมทิสต์ทุกแหล่งสามารถเผาและทำให้เกิดซิทรินได้ จะมีเพียงอเมทิสต์จากบางแหล่งเท่านั้นที่เมื่อเผาแล้วจะได้สีส้มสวยงาม โดยอเมทิสต์จากบราซิลสามารถนำมาเผาที่ 878 องศาเซลเซียส จะได้สีเหลืองส้มที่สวยงามและถูกขายในชื่อว่า ซิทริน
ในส่วนของการจำแนกซิทรินธรรมชาติกับซิทรินที่ได้จากการเผานั้น สามารถจำแนกได้โดยการดู คุณสมบัติสีแฝด (การเปลี่ยนสีเมื่อเปลี่ยนมุมมอง) ซึ่งจะสังเกตพบความเข้มของสีเหลืองที่แตกต่างกันของการเปลี่ยนมุมมองในชิ้นที่เป็นซิทรินธรรมชาติ ในขณะที่ชิ้นที่เป็นซิทรินที่เกิดจากการเผาอเมทิสต์นั้นจะมองไม่เห็นความแตกต่างของสีเหลืองส้มเมื่อเปลี่ยนมุมมอง
มีผลึกที่มีโทนสีที่คล้ายกันอยู่ 3 ชนิด คือ ซิทริน เลมอนควอตซ์ และเฟอรูจิเนียสควอตซ์ เจ้าของร้านขอเทียบควอตซ์ทั้ง 3 ชนิด ในเชิงที่เจ้าของร้านเข้าใจ(อิงจาก Quartzpage และ Mindat บางส่วน) ดังนี้
1. ซินทรินกับเลมอนควอตซ์ เลนมอนควอตซ์มีโทนสีเหลืองเขียวจากลิเธียมและอลูมิเนียม ในขณะที่ซิทรินมีสีเหลืองจากธาตุอลูมิเนียม โดยอาจมีธาตุลิเธียมแทรกในผลึกเล็กน้อย ทำให้เกิดสีเขียวบ้าง ในบางแหล่งข้อมูลจึงเสนอว่า ให้นับจากสัดส่วนของธาตุลิเธียมและอลูมิเนียมเป็นหลัก แต่ในที่นี้ ทางร้านจะประเมินสินค้าโดยมีหลักการว่า ชิ้นที่ไม่แสดงสีเขียวจนชัดเจน จะถูกนับเป็นซิทริน ในขณะที่ชิ้นที่ที่แสดงสีเขียวอย่างชัดเจนจะถูกจัดในหมวดของเลมอนควอตซ์
2. ซิทรินกับเฟอรูจิเนียสควอตซ์ เฟอรูจิเนียสควอตซ์ คือ ควอตซ์ที่แสดงสีจากมนทินที่เป็นองค์ประกอบจากธาตุเหล็กอยู่ภายใน ดังนั้นเฟอรูจิเนียสควอตซ์จะเนื้อไม่ใส คือโปร่งแสงเท่านั้น ในขณะที่ซิทรินจะเป็นชิ้นสีเหลืองหรือสีส้มที่โปร่งใส ซึ่งเป็นความแตกต่างของทั้งสองชนิดนั่นเอง
ซิทรินเกิดแบบเดียวกับควอตซ์ แต่อยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับสโมคกี้ควอตซ์ซึ่งบริเวณดังกล่าว ต้องมีร่องรอยของธาตุกัมมันตรังสีซึ่งมีการแผ่รังสีตามธรรมชาติ ทำให้ธาตุที่อยู่ในผลึกแสดงสีออกมา
แม้ว่าอันที่จริงหินที่ถูกเรียกว่า "ซิทริน" ในท้องตลาดหลายๆชิ้นนั้นไม่ใช่ซิทรินที่เกิดตามธรรมชาติ แต่เป็นหินสีเหลืองส้มที่เกิดจากการเผาอเมทิสต์
ชื่อของมันมาจากคำในภาษาละติน คำว่า "ซิทรินา(Citrina)" ที่บอกถึงผลไม้สีเหลือง ในบางแหล่งข้อมูลจะอ้างอิงว่า มาจากคำในภาษาฝรั่งเศส คำว่า "ซิตรอง(Citron)" ที่แปลว่า มะนาว แต่ในเชิงความหมายที่บ่งถึงผลไม้สีเหลืองหรือมะนาวก็ไม่ได้มีความหมายที่ต่างกัน
เรื่องเล่าและตำนานที่เกี่ยวข้อง
ซิทรินมีชื่อเสียงในการทำให้ผู้ชายหล่อและฉลาดหลักแหลม และช่วยเติมเต็มสำหรับผู้หญิงที่ไม่สมบูรณ์ กลับมามีความอุดมสมบูรณ์และมีความสุข
มีการกล่าวว่า ในสมัยก่อนซิทรินได้รับการขนานนามว่าเป็น "หินแห่งดวงอาทิตย์" และเป็นอัญมณีที่มีความสามารถในการกักเก็บแสงอาทิตย์และช่วยในการป้องกันจากการถูกงูกัด สีของมันเหมือนกับสีของทองคำ พวกพ่อค้าจึงนิยมพกไว้เสมือนว่าเป็นทองคำเพื่อช่วยดึงดูดความมั่งคั่งและกลายเป็นที่รู้จักในเวลาต่อมาในฐานะ "หินของพ่อค้า"
ในสมัยโบราณซิทรินอาจถูกเรียกผิด ว่าเป็น โทแพซ(Topaz) และอาจถูกนำไปใช้ในวัฒนธรรมโบราณมากมาย มีการอ้างอิงถึง แคลนกอล์ม(Cairngorm)ที่เป็นสโมคกี้ควอตซ์สีอ่อนที่เป็นหินที่มีชื่อเสียงของชาวสก๊อตแลนด์
ในฐานะที่เป็นหินสีเหลืองมันจะถูกกำหนดไว้สำหรับการรักษาความผิดปกติของอารมณ์ที่เกี่ยวกับการโมโหง่าย โรคดีซ่านและสำหรับโรคอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับตับ
จากความเข้าใจผิดดังกล่าว ทำให้มันอาจถูกใช้เป็นอัญมณีตั้งแต่สมัยกรีซตั้งแต่ช่วง 300 ปีก่อนคริสตกาล และถูกเรียกในชื่อต่างๆกัน เช่น โทแพซสีทอง(Gold Topaz), มาดอิรา(Madeira) หรือ โทแพซสเปน(Spanish Topaz) รวมถึง ซาเฟรไนต์(Safranite)
ซิทรินเป็นเครื่องประดับประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดราศีพิจิก การได้ครอบครองซิตรินของชาวราศรีนี้จะช่วยให้ผู้ครอบครองมีความรู้สึกกระฉับกระเฉง สมองปลอดโปร่งและรู้เท่าทันความคิดของผู้อื่น
ซิทรินได้รับการขนานนามว่าเป็น "หินแห่งความสำเร็จ" "หินของพ่อค้า" รวมถึง "หินเรียกเงินเรียกทอง" เนื่องจากมีความเชื่อว่าจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง ด้วยสีเหลืองของซิทริน ในเเรกเริ่มเป็นหินที่ถูกมองว่าเป็นหินแห่งความสุขที่มีพลังงานของดวงอาทิตย์เพื่อเพิ่มความสว่างให้กับชีวิตของผู้ที่อยู่กับมันหรือสวมใส่
เชื่อกันว่า ผู้ใดได้ครอบครองซิทริน ผู้นั้นจะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีการตัดสินใจที่แม่นยำ และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ มั่นใจในตัวเอง ลดความตื่นกลัว กระตือรือร้น และมีความเพียรพยายามอย่างสูง อีกทั้งซิทรินยังช่วยลดความวิตกกังวล และกล้าที่จะเผชิญหน้ากับทุกๆ สถานการณ์อีกด้วย
ในทางการรักษา ซิทรินช่วยลดอาการตึงเครียดทางประสาท ทำให้สมองปลอดโปร่ง ช่วยให้ระบบย่อยอาหาร และการดูดซึมธาตุอาหารของร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้น สามารถบรรเทาอาการปวดหลังและต่อสู้กับภาวะซึมเศร้า ปัญหาเกี่ยวกับตับ ม้าม ระบบย่อยอาหารและกระเพาะปัสสาวะ