ลาพิส ลาซูลี เป็นหินที่รู้จักกันมาตั้งแต่ในสมัยโบราณและมีราคาที่สูง โดยมีหลักฐานจากข้อมูลของนักบันทึกประวัติศาสตร์ชาวโรมัน ชื่อ พลินี(Pliny the Elder) ในชื่อ แซฟไฟร์ แต่การใช้ชื่อ ลาพิส ลาซูลี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในช่วงปี ค.ศ.1636 โดย Anselmus Boetus de Boodt ในหนังสือ Gemmarum et Lapidum Historia หน้า 273 โดยชื่อดังกล่าวมาจากภาษาละติน "Lapis" และภาษาเปอร์เซีย "Lazhward" ซึ่งมีความหมายว่า สีน้ำเงิน ซึ่งถ้าออกเสียงตามคำของแหล่งที่มาทั้งสองแล้ว ชื่อนี้ควรจะออกเสียงว่า "แลป-อิส เลซ-อู-ลี(Lap-is Laz-u-lee)"
ลาพิส ลาซูลี (Lapis lazuli) หินแห่งภูมิปัญญาและความจริง
ลาพิส ลาซูลี เป็นหินที่รู้จักกันมาตั้งแต่ในสมัยโบราณและมีราคาที่สูง โดยมีหลักฐานจากข้อมูลของนักบันทึกประวัติศาสตร์ชาวโรมัน ชื่อ พลินี(Pliny the Elder) ในชื่อ แซฟไฟร์ แต่การใช้ชื่อ ลาพิส ลาซูลี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในช่วงปี ค.ศ.1636 โดย Anselmus Boetus de Boodt ในหนังสือ Gemmarum et Lapidum Historia หน้า 273 โดยชื่อดังกล่าวมาจากภาษาละติน "Lapis" และภาษาเปอร์เซีย "Lazhward"
ซึ่งมีความหมายว่า สีน้ำเงิน ซึ่งถ้าออกเสียงตามคำของแหล่งที่มาทั้งสองแล้ว ชื่อนี้ควรจะออกเสียงว่า "แลป-อิส เลซ-อู-ลี(Lap-is Laz-u-lee)"
ตำนานและประวัติศาสตร์เกี่ยวกับลาพิศ ลาซูรี
ลาพิศ ลาซูรี ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายสำหรับชาวอียิปต์โบราณ และชาวอัสซีเรีย สำหรับการแกะสลักเครื่องราง และตราประทับสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น ตราของกษัตริย์, ตรารูปแมลงสการับ(scarab) เป็นต้น เป็นหินที่มีภาพลักษณ์ของความจริง(เป็นแทนของเทพเจ้ามาอัด(Maat)) ซึ่งหัวหน้าผู้พิพากษาอียิปต์และนักบวชชั้นสูงต้องสวมรอบคอของเขา
ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้เกี่ยวกับอัญมณีกึ่งมีค่าที่ใช้เพื่อจุดประสงค์ทางศาสนาจากหนังสือแห่งความตายของชาวอียิปต์ พิธีกรรมเพื่อการเดินทางหลังความตายให้ปลอดภัยและป้องกันจากความชั่วร้ายของผู้ล่วงลับ นอกจากนี้สัญลักษณ์รูปตาที่ทำจาก ลาพิศ ลาซูรีและประดับด้วยทองคำ เป็นเครื่องรางแห่งอำนาจอันยิ่งใหญ่ และเป็นเครื่องบูชาที่แสดงถึงการบูชาต่อเทพแห่งรา(Ra)(เทพแห่งพระอาทิตย์)
ชาวอียิปต์โบราณยังเชื่ออีกว่า วิญญาณนั้นมีอยู่ในจิตใจและอาศัยอยู่ในสมอง และ ลาพิศ ลาซูรีเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาจิตใจ และทำให้วิญญาณสะอาด ลาพิศ ลาซูรีถูกใช้เพื่อล้างวิญญาณ และทำลายพื้นที่ในหัวสมอง ที่ถูกครอบครองโดยปีศาจ โดยการบดหินผสมกับทองคำทำให้เป็นผง และพอกมันไว้ตรงกลางขม่อม เมื่อแห้งมันจะดึงเอาผีปีศาจออกมา ในกรณีพิเศษจะเจากะโหลกศีรษะและเทส่วนผสมลงในหัว
ในตำราของชาวอัสซีเรีย(ตำราอุกนู(uknu) มีข้อมูลว่า ลาพิศ ลาซูรีเป็นหนึ่งในเจ็ดอัญมณีที่อยู่ในเครื่องประดับที่จะสวมใส่บนหน้าอกของพระมหากษัตริย์ เป็นเครื่องรางที่บ่งชี้ถึงพลังอำนาจจากเทพเจ้า
ในมหากาพย์กิลกาเมท(Gilgamesh) ของชาวบาบิโลน มีตำนานเล่าถึงต้นไม้ที่ให้ผลเป็นอัญมณี และ ลาพิศ ลาซูรี งอกออกมาจากมงกุฎของมัน
ลาพิศ ลาซูรีเป็นอัญมณีเพื่อตกแต่งบนสายคาดสีเหลือง ที่สวมใส่โดยจักรพรรดิจีนของราชวงศ์แมนจูสำหรับการออกราชการในวัดของศาสนาพุทธ
ในตำนานเทพนิยายกรีก เทพธิดาอินนา (ผู้มาก่อนเทพอะโพรไดรส์(Aphrodite) และวีนัส(Venus)) ได้เดินทางเข้าไปในนรก โดยถือแท่งลาพิศ ลาซูรี เพื่อวัดระยะเวลาและความยาวของชีวิตของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ตามตำนานกรีกยังเชื่อกันว่า หินแต่ละชนิดเป็นเนื้อของเทพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลายสถิตย์อยู่ในหินชนิดต่างๆ
ลาพิศ ลาซูรี เป็นหนึ่งในหินที่ใช้มากที่สุด ตั้งแต่มีประวัติของมนุษย์ สีน้ำเงินที่เข้ม ลึก ดั่งท้องฟ้ายังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเลิศหรูและสูงส่ง พระเจ้าและพลังอำนาจ จิตวิญญาณและวิสัยทัศน์ เป็นสัญลักษณ์สากลของภูมิปัญญาและความจริง
หินลาพิศ ลาซูรี ช่วยสร้างความสงบเงียบ ให้ภูมิปัญญา สามารถเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จทางจิตวิญญาณ ช่วยป้องกันการโจมตีของพลังจิต ป้องกันพลังงานเชิงลบและส่งกลับพลังงานเชิงลบไปยังแหล่งที่มา
ในด้านการรักษา ลาพิศ ลาซูรี ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ระบบต่อมไทรอยด์และระบบประสาท สามารถบรรเทาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน ไข้และความเจ็บปวดได้